ข้อมูลประวัติ หลวงพ่อผล วัดดักคะนน ชัยนาท เกจิชื่อดังแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
พระครูธรรมจักร์ชโยดม (หลวงพ่อผล โต๊ะสัมฤทธิ์ บว.บภ.)
เจ้าอาวาสวัดดักคะนน ตำบลธรรมามูล อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท
เป็นบุตรคนแรกของ พ่อเชื่อม แม่นาค โต๊ะสัมฤทธื์ ในบรรดาพี่น้องชายหญิงร่วมสายโลหิตเดียวกันทั้งหมด 7 คน
เยาว์วัยอายุได้ 7 ขวบ พ่อเชื่อม แม่นาคผู้เป็นบิดา มารดาได้พาหลวงพ่อผล ไปนมัสการหลวงปู่อยู่ วัดดักคะนน และถวายให้เป็นบุตรบุณธรรมพร้อมกับน้องชายคนที่ 3 คือนายผ่อง โต๊ะสัมฤทธิ์ ซึ่งขณะนั้นอายุได้ 5 ขวบ เพื่อให้เข้าศึกษาวิชาภาษาไทย ในสมัยในซึ่งเรียกกันโดยมากว่า เข้าเรียนหนังสือเล็ก
เมื่อมีความรู้อ่านออกเขียนได้คล่องแคล้วดีแล้ว กอป์รกับความขยันหมั่นเพียรดี หลวงพ่อปู่อยู่จึงได้ให้เรียนหนังสือใหญ่ คือหนังสือขอม เรียกว่า เรียนมูลกระจาย มีหลักสูตร 10 ปี
หลวงพ่อผล เรียนได้ 7 ปีหลักสูตรก็ถูกสั่งยกเลิกเปลี่ยนเป็นศึกษาบาลีและธรรมวินัยแทนและเปิดสอน เฉพาะสำนักใหญ่ๆในกรุงเทพเท่านั้น มีญาติโยมศรัทธาจะส่งให้ไปศึกษา แต่หลวงปู่อยู่ได้พูดกับโยมแม่นาคว่า"ลูกของกูไม่ให้น้อยหน้าต่ำดว่าใครๆ."
-อุปสมบท
หลวงพ่อผล เมื่อมีอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ ในราวปี พ.ศ.2477 หลวงพ่ออยู่ ผู้เป็นอาจารย์ก็จัดการเป็นเจ้าภาพอุปสมบทให้ โดยมี พระครูธรรมจักรชโยดม (พูน ปภัทสโล) วัดธรรมามูล เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดนวม วัดขวาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระสมุห์ปลั่ง วัดดักคะนน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ฐานทัตโต" เมื่ออุปสมบทแล้วก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยตลอดจนวิชาอาคม, การลบผงอิทธิเจ ตลอดจนผงนะต่างๆ ตามสูตรของหลวงพ่ออยู่ ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์และบิดาบุญธรรมจนมีความเชี่ยวชาญ และเป็นที่รักเมตตาของหลวงพ่ออยู่
-การศึกษา
พ.ศ.2477 สอบได้นักธรรมตรี
พ.ศ.2478 สอบได้นักธรรมโท
พ.ศ.2484 สอบได้นักธรรมเอก
งานด้านสาธารณูปโภค
พ.ศ.2488 - 2489 สร้างกุฏิสงฆ์ กว้าง 8 เมตร ยาว 16 เมตร
พ.ศ.2507 สร้างศาลาการเปรียญ 1 หลัง กว้าง 22.50 เมตร ยาว 30 เมตร และหอสวดมนต์ กว้าง 9.50 เมตร 18 เมตร
พ.ศ.2511 สร้างพระอุโบสถ และศาลาพิพิธภัณฑ์ เสร็จภายในปีเดียวกัน
-หน้าที่ทางสงฆ์
พ.ศ.2484 ได้รับแต่งตั้งเป็น พระปลัด ฐานาของพระปลัดทองเลื่อน วัดศรีวิชัย
พ.ศ.2498 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลธรรมามูล
พ.ศ.2505 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูธรรมจักรชโยดม
พ.ศ.2506 ได้รับแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ของจังหวัดชัยนาทให้เป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมามูล วรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี และได้รับพระกรุณาโปรด
เกล้าเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นชั้นโท ในพระราชทินนามเดิม เป็นเจ้าอาวาส
วัดธรรมามูลจนถึงปี พ.ศ.2528 รวมระยะเวลา 22 ปี
พ.ศ.2528 กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดดักคะนน จวบจนมรณะภาพ
หลวงพ่อผล นอกจากท่านจะเป็นพระเกจิฯ ที่ขมังเวทย์องค์หนึ่งของชัยนาทแล้ว ท่านยังเป็นแพทย์แผนโบราณที่เลื่องชื่อในการรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อน (ถึงขั้นนอนใบตองก็ยังหายได้) และยารักษาอัมพาต ที่ช่วยคนหายทุกข์เวทนามามากต่อมากทีเดียว
การค้นพบพระกรุวัดดักคะนน(อายุมากกว่า 100 ปี ) พระประธานในโบสถ์วัดดักคะนนได้ชำรุดจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ กรรมการวัดจึงมีมติที่จะรื้อและสร้างใหม่ และได้พบพระสมเด็จไหลทะลักออกมาจากใต้ฐานพระประธาน หลังจากนั้นยังได้พบพระสมเด็จอีกบางส่วน ในไหที่ฝังอยู่บริเวณใต้ต้นจันทร์หน้ากุฏิหลวงปู่อยู่
หลวงปู่ผลเจ้าอาวาสในขณะนั้นจึงนำมาให้ทำบุญและแจกจ่ายวัดต่าง ๆ ในละแวกนั้นเพื่อหาทุนสร้างโบสถ์ และ ได้นำพระบางส่วนฝังคืนเก็บไว้
มีผู้นำไปใช้ได้ประสบอภินิหารหลายอย่าง จนได้รับความนิยมแพร่หลาย หลวงปู่ผลได้นำพระออกมาให้ทำบุญโดยไม่กำหนดจำนวนและเงินทำบุญแล้วแต่ญาติโยมบริจาค พระสมเด็จดักคะนนจึงหมดจากวัดอย่างรวดเร็ว
ในช่วงปลายอายุของหลวงปู่ผล ได้มีการขุดพระบางส่วนที่ฝังคืนเก็บไว้ ออกมาให้ทำบุญและแจกจ่าย อีกครั้ง
พระสมเด็จที่พบใต้ฐานพระประธานในโบสถ์จะมีผิวออกเหลืองและมีคราบกรุสีออกแดงเข้ม
พระสมเด็จที่พบบริเวณใต้ต้นจันทร์หน้ากุฏิหลวงปู่อยู่
จะมีผิวแห้งออกสีน้ำตาลและมีครบกรุสีน้ำตาลอ่อน พระที่พบมีจำนวนน้อย
พระสมเด็จที่ได้มีการขุดพระส่วนที่ฝังคืนเก็บไว้ขึ้นมาจะมีผิวสีเหลืองอ่อนและมีคราบกรุสีแดงอ่อนหรือขาว เนื่องจากพระที่ขุดขึ้นมามีความชื้นที่องค์พระค่อนข้างมาก ทำให้หลังจากขุดขึ้นมาต้องนำพระออกมาตากแดดที่ลานหน้าโบสถ์ ลดความชื้นทำให้พระชุดนี้ส่วนใหญ่ลักษณะของพิมพ์ไม่คมชัด
สำหรับพิมพ์พระที่พบ มีทั้ง พิมพ์๓ ชั้น/ พิมพ์ ๗ ชั้น/ พิมพ์๙ชั้น/ พิมพ์อกครุฑ /พิมพ์ปรกโพธิ์/ และพิมพ์คะแนน อีกด้วย