ข้อมูลประวัิติ หลวงปู่เครื่อง วัดสระกำแพงใหญ่ ศรีสะเกษ
พระมงคลวุฒิ "เทพเจ้าอีสานใต้" วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
พระมงคลวุฒิ หรือ หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นพระเกจิอาจารย์อันเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งประเทศ หลังจากท่านอาพาธ และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม
ต่อ มาหลวงปู่ย้ายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์อุบลราชธานี คณะแพทย์เฝ้าอาการของหลวงปู่อย่างใกล้ชิด ปรากฏว่าเมื่อเวลา ๐๒.๐๐ น. วันที่ ๒๘ กรกฎาคม หลวงปู่เครื่องได้ละสังขารแล้วด้วยอาการอันสงบที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ ประสงค์ อุบลราชธานี สิริอายุ ๙๙ ปี ๙ วัน
"เทพเจ้าอีสานใต้" สมญานามที่เหล่าข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน พากันขนานให้เป็นหลวงปู่เครื่อง เพราะท่านเป็นพระเกจิชื่อดังอีกรูปหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงที่ท่านมีชีวิตอยู่เป็นพระนักปฏิบัติ สนใจเจริญภาวนากรรมฐาน โดยเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๔ หลวงปู่เครื่องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปขอเรียนวิชาธรรมกายจากหลวงพ่อเจ้าคุณพระเทพมงคลมุนี (หลวงพ่อสด จนฺทสโร) วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ตั้งใจทำสมาธิประพฤติแนววิชาธรรมกายอยู่ ๓ วัน ก็อำลาจากไป นอกจากนี้แล้วหลวงปู่เครื่องถือว่าเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่มั่น
โดย เมื่อครั้งที่หลวงปู่ออกธุดงค์ไปอยู่ในถ้ำ (จ.ลพบุรี) กับหลวงปู่คำมี (บุญมี) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น หลวงปู่บุญมีท่านเก่งเรื่องสมาธิ ท่านเป็นคนพูดน้อยมาก ระหว่างธุดงค์ท่านจะไม่พูดอะไรเลย จะพูดก็ตอนเมื่อต้องการเทศน์สั่งสอนและประสิทธิ์ประสาทวิธีการสร้างวัตถุ มงคล ส่วนพระอาจารย์ธงชัย ท่านสอนเรื่องธรรมะให้ โดยท่านมีคาถาอยู่บทหนึ่งสำหรับป้องกันตัวระหว่างธุดงค์ คือ มะ อะ อุ สำหรับหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ อาตมาเดินทางไปกราบท่าน ๒ ครั้ง โดยได้คาถามาบทหนึ่ง คือ พุทโธล้อมจิต พุทโธรวมใจ พุทโธหลงใหล ซึ่งก่อนภาวนาต้องสมาทานศีลก่อน ดังนั้นเมื่อหลวงปู่เครื่องสร้างวัตถุมงคลออกมาแจกจ่ายบูชาให้แก่เหล่าพุทธ ศาสนิกชนตลอดจนบรรดาศิษยานุศิษย์ จึงมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์
ทุกๆ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่เครื่อง คณะศิษยานุศิษย์ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักการเมือง พ่อค้า ประชาชน ที่ให้ความเคารพและศรัทธาหลวงปู่อย่างแรงกล้านับแสนคน จะพากันเดินทางไปวัดสระกำแพงใหญ่ เพื่อร่วมกันอวยพรวันคล้ายวันเกิดและขอพรอันเป็นสิริมงคลไม่เคยขาด กระทั่งกลายเป็นงานใหญ่ แม้หลวงปู่จะไม่ต้องการให้จัดเอิกเกริกใหญ่โต แต่ปฏิเสธศรัทธาของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์มิได้ ทุกครั้งเวลามีผู้ประสบทุกข์ร้อนใจล้วนแต่พากันไปกราบท่าน ให้ประพรมน้ำมนต์ขจัดปัดเป่าให้ทุกข์ภัยต่างๆ สลายคลาย สร้างความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ตลอดจนความนิยมในวัตถุมงคลของท่านก็มีส่วนเสริมสร้างเป็นทุนในงานก่อสร้าง ต่างๆ ภายในวัดสระกำแพงใหญ่ และงานสาธารณูปการต่างๆ ด้วยเหตุนี้ชาวเมืองศรีสะเกษต่างพร้อมใจกันขนานสมญานามให้ท่านว่า เทพเจ้าผู้มีเมตตาแห่งอีสานใต้
อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่ง "คม ชัด ลึก" เคยสัมภาษณ์เรื่องคำสั่งเสียเรื่องการทำศพ ในครั้งนั้นหลวงปู่เครื่องตอบว่า "เผาหรือไม่เผานั้นดีทั้ง ๒ อย่าง คนตายไม่รู้อะไรหรอก คนที่อยู่ก็อาศัยบารมีคนที่ตายกิน อาตมาไม่เคยสั่งเสียอะไรญาติโยมหรอก เพราะสังขารเป็นอนิจจังแล้วแต่มันจะเป็นไป เน่าหรือไม่เน่าก็เรื่องของร่างกาย เผาไม่เผาเป็นเรื่องของญาติโยม เพราะตายไปแล้วจิตไม่ได้อยู่กับสังขาร ถ้าเปรียบไปแล้วบ้านก็เหมือนกับร่างกาย คนที่อยู่ในบ้านเปรียบเหมือนจิต เมื่อคนไม่อยู่บ้าน บ้านก็เสื่อมโทรมรอการพังทลายลงมาตามกาลเวลา ร่างกายของคนเราก็เช่นกัน เมื่อจิตวิญญาณออกจากร่างกาย ร่างกายย่อมเน่าเปื่อยพุพังตามกาลเวลา ส่วนเรื่องศพเน่าไม่เน่าไม่มีใครหยั่งรู้ได้ ต้องรอหลังจากตายถึงรู้ ศพไม่เน่าเกิดจากบุญ เกิดจากการเจริญภาวนา นั่งสมาธิเจริญกรรมฐานก่อนดับจิต ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นอยู่ก็เยอะ"
นอก จากนี้แล้วหลวงปู่เครื่องยังพูดถึงวัตถุมงคลไว้อย่างน่าคิดว่า วัตถุมงคลของหลวงปู่นั้นไม่ขลังเลยสักรุ่น อย่าไปเชื่อว่ารุ่นเก่าดีกว่ารุ่นใหม่ รุ่นนี้ดีใช้เวลาปลุกเสกทั้งไตรมาสขลังกว่ารุ่นที่ปลุกเสกวันเดียว รุ่นนี้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ปลุกเสกเยอะกว่าอีกรุ่นหนึ่ง ขลังไม่ขลังไม่ได้อยู่ที่วัตถุมงคล มันขลังเฉพาะคนที่เคารพในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เท่านั้น ถ้าคนไม่มีคุณพระเหล่านี้ก็ไม่ขลัง ความขลังของวัตถุมงคลไม่ได้อยู่ที่ตัววัตถุมงคล หากแต่อยู่ที่คนถือคนใช้ต่างหาก ถ้าคนไหนมีพระวิสุทธิคุณ พระธรรมคุณ และพระปัญญาคุณ รวมทั้งถือคุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์อยู่ในตัว ไม่แขวนพระหรือวัตถุมงคลใดผู้นั้น ก็มีความขลังอยู่ในตัว ต่อให้แขวนวัตถุมงคลนับร้อยชิ้นถ้าไม่มีธรรมะอยู่ในใจวัตถุมงคลก็ไม่แตกต่าง จากตุ๊กตาพระ แขวนไว้ก็หนักคอเท่านั้น
ชาติภูมิหลวงปู่เครื่อง
หลวงปู่เครื่อง สุภทฺโท หรือ ด.ช.เครื่อง ประถมบุตร เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๕๓ ที่บ้านค้อกำแพง หมู่ ๓ ต.สระกำแพงใหญ่ ในตระกูลของชาวนา เป็นบุตรคนที่ ๔ ของนายสอน-นางยม ประถมบุตร มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน ๑๔ คน แต่เสียชีวิตไปในวัยเยาว์ ๖ คน คงเหลือพี่น้องอยู่เพียง ๘ คน
อุปสมบท เป็นพระภิกษุเพื่อศึกษาพระธรรมเมื่ออายุ ๒๑ ปี ที่วัดบ้านสำโรงน้อย หมู่ ๖ ต.หนองห้าง อ.อุทุมพรพิสัย โดยมีพระครูเทวราชกวิวรญาณเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูใบฎีกาชมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์พรหม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า "สุภทฺโท" มีความหมายว่า "ผู้ประพฤติงาม" หลังเข้าพิธีอุปสมบทเพียง ๒ สัปดาห์ โยมมารดาซึ่งล้มป่วยหนักได้เสียชีวิตลงทำให้ท่านต้องช่วยเป็นธุระจัดการงาน ศพมารดาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนไปอยู่จำพรรษาวัดบ้านค้อ ต.กำแพง อ.อุทุมพรพิสัย
กระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๙๔ หลวงปู่เครื่อง ได้เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๗ ต่อจากพระอุปัชฌาย์คำ จันทโชโต ที่มรณภาพจนถึงปัจจุบัน เมื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส หลวงปู่เครื่องจัดตั้งโรงเรียนสอนทางปริยัติธรรม นักธรรมชั้นตรี โท เอก และบาลีไวยากรณ์ ธรรมบทขึ้น รวมทั้งเป็นประธานก่อสร้าง มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สถาบันอุดมศึกษาสำหรับพระภิกษุสงฆ์ แห่งแรกในจังหวัดศรีสะเกษ ที่ผ่านมาหลวงปู่เครื่องได้ทำนุบำรุงพัฒนาวัดให้เจริญก้าวหน้า สิ่งก่อสร้างภายในวัดไม่ว่าจะเป็นกุฏิ วิหาร ศาลาการเปรียญ เมรุ กำแพงวัด ซุ้มประตู ล้วนแต่สร้างขึ้นในสมัยหลวงปู่เครื่องเป็นเจ้าอาวาส