ข้อมูลประวัติ หลวงพ่อมุม อินทปญโญ วัดปราสาทเยอร์ ศรีสะเกษ
พระครูประสาธน์ขันธคุณหรือหลวงพ่อมุม อินทปญโญ* แห่งวัดปราสาทเยอเหนือ อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ นามเดิมว่า "มุม" นามสกุล "บุญโญ" เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2430และมรณภาพในปี 2522 ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดต่อพระวินัยเป็นอย่างยิ่ง มีวัตรปฏิบัติที่ งดงาม อุปนิสัยที่เยือกเย็น ใจดี ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ จึงเป็นที่เคารพยิ่งของประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ก็เคยเสด็จพระราชดำเนินทรงทอดพระกฐินส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2514 นับเป็นวัดแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พระองค์ท่านได้พระราชทานกฐินส่วนพระองค์
*หมายเหตุ : เนื่องด้วยไม่สามารถพิมพ์อักขระบางตัวในภาษาลาลีสันสกฤตได้ จึงทำให้ชื่อทางภาษาบาลีสันสกฤตนั้นไม่ถูกต้องครบถ้วนทั้งหมด ซึ่งชื่อที่ถูกต้องนั้นจะมีจุดอยู่ใต้อักษร "น" และ "ป"
ซุ้มประตูวัดปราสาทเยอร์ อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นปราสาทของชนเผ่าเยอหนึ่งในสี่เผ่าไทยของชนพื้นเมืองศรีสะเกษซึ่งแต่เดิมนั้นอำเภอไพรบึงขึ้นอยู่กับอำเภอขุขันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่งที่ครูบาอาจารย์อย่าง..หลวงพ่อมุม..ที่คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้จักและศรัทธาเต็มหัวใจกลับหาตัวผู้ทราบประวัติของท่านได้อย่างลึกซึ้งไม่มี ท่านจึงเป็นครูบาอาจารย์ที่มีความเป็นมาของท่านมัวซัว เหมือนมีหมอกขึงม่านกั้นไว้ ไม่อาจมองเห็นหรือทราบชัด หลายคนไม่เชื่อว่าท่านเป็นชาวบ้านปราสาทเยอร์ แต่ในประวัติที่มีผู้ได้บันทึกไว้บอกว่า..ท่านเกิดที่บ้านปราสาทเยอร์ ข้อขัดแย้งนี้มีน้ำหนักมากพอๆกัน เหตุผลของฝ่ายที่ไม่เชื่อว่าท่านเป็นชาวบ้านปราสาทเยอร์ คือท่านเป็นคนผิวขาวเกินไป ผิดวิสัยของชาวปราสาทเยอร์ที่ผิวคล้ำดำ เพราะว่าโดยมากถือเชื้อสายค่อนไปทางเขมร แต่หลวงพ่อมุมต่างเขาผู้อื่นอยู่คนเดียว ถ้าหากว่าท่านเกิดที่บ้านปราสาทเยอร์จริง บิดามารดาของท่านก็คงจรมาจากที่อื่นเป็นคนต่างถิ่น ไม่ใช่คนบ้านปราสาทเยอร์ เหตุผลนี้น่าฟังอยู่เหมือนกัน....ในประวัติที่ทางวัดบันทึกไว้อย่างสั้นที่สุด...น้อยที่สุด....ก็ไม่บอกว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน บิดา มารดาเป็นใคร เหลือเชื่อที่ไม่มีใครบันทึกไว้เลย ถามไถ่ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันที่เคยอยู่ร่วมกัน หลวงพ่อมุมสมัยที่องค์ท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังไม่อาจบอกได้...ประวัติหลวงพ่อมุมที่ทางวัดบันทึกไว้ คงเริ่มบันทึกแต่สมัยที่ท่านมาอยู่วัดบ้านปราสาทเยอร์เป็นต้นมา ก่อนหน้านั้นไม่มีการบันทึก ไม่มีประวัติหรือรายละเอียดใด ๆ ของหลวงพ่อมุมแม้แต่น้อย...คงกล่าวแต่เพียงว่าท่านมาอยู่ที่วัดปราสาทเยอร์แล้วได้ดำรงตำแหน่งเป็นครูใหญ่คนแรกของโรงเรียนบ้านประอาง เมื่อ พ.ศ. 2459 - 2474 เป็นเวลา 15 ปี นี่คือส่วนที่ลึกที่สุดของประวัติท่าน ต่อจากนั้นก็เริ่มบันทึกเรื่องราวของท่านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 เรื่อยมาจนมรณภาพ...การจะเขียนถึงประวัติของท่านจึงเป็นเหมือนคนตาบอดตาฟางคลำหาเป้า ซึ่งข้อผิดพลาดย่อมมีได้ แต่จะลองคลำดู ผิดหรือถูกก็ทิ้งไว้เป็นภาระของผู้รู้ตามแก้ไขภายหลังก็แล้วกัน.....
ชาติกำเนิดของ...หลวงพ่อมุม อินฺทปัญโญ....ดูจะสับสนอยู่ไม่น้อย ไม่มีใครยืนยันชัดเจนว่าท่านเป็นชาวบ้านปราสาทเยอร์จริงหรือไม่ ผู้เชื่อว่าท่านเป็นชาวบ้านปราสาทเยอร์ก็มี ไม่เชื่อก็มี พื้นเพดั้งเดิมของท่านจึงคลุมเครือ ไม่อาจลงเป็นหลักได้ กระทั่งวัน เดือน ปีเกิดก็หาผู้บันทึกไว้อย่างแน่ชัดไม่ได้ แต่ก็มีผู้ระบุว่าท่านเกิดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2430 โดยเกิดที่บ้านปราสาทเยอร์นี่เอง เป็นบุตรของนายมากและนางอิ่ม นามสกุล บุญโญ มีพี่น้องร่วมอุทร 5 คน ท่านเป็นคนสุดท้อง วันเดือนปีที่ปรากฏนี้ก็ไม่มีผู้สนับสนุนว่าถูกต้อง แต่ในรูปเหมือนหล่อด้วยโลหะเท่าองค์จริงที่ประดิษฐานอยู่ประจำวัดปราสาทเยอร์ ทุกวันนี้ มีจารึกว่าถูกสร้างขึ้นอยู่ด้วยคือ อายุครบ 90 ปี 4 มี.ค. 2520" บางทีวันที่ 4 มีนาคม จะเป็นวันเกิดของท่านก็ไม่รู้
ชีวิตวัยเด็กของท่านนั้นหนังสืออนุสรณ์งานศพบันทึกว่า ท่านได้รับการศึกษาอักษรไทยจากเจ้าอธิการปริม จนอ่านออกเขียนได้ และได้ศึกษามูลกัจจายนะสูตรจนสอบได้นักธรรมตรี ในสนามหลวง และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครูใหญ่สอนหนังสือไทยในโรงเรียนวัดบ้านปราสาทเยอร์เหนือคนแรก ระหว่าง พ.ศ. 2459 - 2474 รวมเวลาที่เป็นครูใหญ่ 15 ปี ขณะที่เป็นครูใหญ่นั้นคำนวณอายุจาก พ.ศ. ที่ได้รับแต่งตั้งถอยหลังไปถึงปีเกิดคือ พ.ศ.2430 ท่านมีอายุ 29 ปี อีกแห่งหนึ่งบอกว่าท่านเริ่มบวชเป็นสามเณรขณะอายุ 12 ปี ที่วัดปราสาทเยอร์ใต้ กับหลวงพ่อบุญมานี้ ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไปว่าท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อมุมจริง เหรียญของท่านก็มีผู้นิยมสะสมไว้เหมือนกัน และที่มีวัดปราสาทเยอร์ได้นั้นก็เพราะว่ามีวัดปราสาทเยอร์เหนือด้วย วัดทั้งเหนือและใต้อยู่คนละฟากกัน ถ้าพูดลอยๆว่าวัดปราสาทเยอร์ ขอให้เข้าใจว่าหมายถึงวัดปราสาทเยอร์เหนือ ที่หลวงพ่อมุมเป็นเจ้าอาวาสจนมรณภาพ...
หลังจากบวชเณรแล้ว..ท่านได้ออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ ในการธุดงค์นี้ประวัติทุกแห่งบันทึกไว้ใกล้เคียงกันว่าท่านไปแสวงหาโมกขธรรม หาครูบาอาจารย์ประสิทธิ์ประสาทวิชาอาคมตามประเพณีนิยมของผู้ถือบวชสมัยนั้น ท่านธุดงค์ไปไกลถึงประเทศเขมร พม่า และลาว รวมทั้งมาเลซีย...ที่ประเทศลาว ท่านได้พบกับสำเร็จลุน แห่งจำปาศักดิ์ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิทยาคมจนแตกฉาน หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับบ้านเกิดและได้พำนักอยู่วัดปราสาทเยอร์ได้ก่อน แต่ขณะนั้น...วัดปราสาทเยอร์เหนือไม่มีเจ้าอาวาส ร้างผู้ครองวัดนาน 5 ปี ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันนิมนต์ท่านมาอยู่ครองวัดปราสาทเยอร์เหนือ ท่านก็รับและได้ครองวัดปราสาทเยอร์เหนือเรื่อยมาจนมรณภาพ โดยเริ่มครองวัดปราสาทเยอร์เหนือเมื่อปี 2464
หลังจากที่ได้เป็นครูใหญ่โรงเรียนวัดปราสาทเยอร์มาก่อน 5 ปี ระหว่าง 5 ปี ที่ทำหน้าที่สอนหนังสือเด็กนักเรียนนั้น ชาวบ้านคงได้สังเกตเห็นจริยาวัตรและปฏิปทาของท่านจนแน่ใจและมั่นศรัทธาแล้ว ถึงได้นิมนต์ท่านมาครองวัดปราสาทเยอร์เหนือ เพราะว่าวัดนี้ได้ร้างเจ้าอาวาสตั้งแต่ปีแรกที่ท่านกลับบ้านเกิด คือปี 2459 แต่ชาวบ้านก็ปล่อยวัดร้างเรื่อยมา จนในที่สุด...ได้ตัดสินใจอาราธนาท่านดังกล่าว.....
หลวงพ่อมุมได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรในวันที่ 5 ธันวาคม 2499 คือเป็นเจ้าคณะตำบลชั้นตรี ในราชทินนาม..พระครูประสาธน์ขันธคุณ...และได้รับเลื่อนชั้นเป็นพระสังฆาธิการ พระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในนามเดิมเมื่อปี 2510 เกียรติประวัติของหลวงพ่อมุม ที่ควรกล่าวถึงคือ....เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2514 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินต้น เป็นการส่วนพระองค์ ณ วัดปราสาทเยอร์เหนือ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจังหวัดศรีสะเกษ ที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานกฐินต้นในจังหวัดศรีสะเกษเป็นครั้งแรก...และวัดปราสาทเยอร์ก็เป็นวัดแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ..ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานกฐินส่วนพระองค์ด้วย......
เกียรติคุณของหลวงพ่อมุมนั้นมีมากมาย ทั้งในด้านการปกครองและพัฒนาพระศาสนา ซึ่งคงไม่ต้องกล่าวถึงในที่นี้ และเกียรติคุณด้านอาคมขลัง ซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั้งจังหวัดศรีสะเกษ และคนถิ่นอื่นทั่วไป...ประสบการณ์ด้านวัตถุมงคลของหลวงพ่อมุมไม่อาจกล่าวถึงได้ไหว เพราะว่ามีมากมายหลายเรื่อง เล่าสู่กันฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้เบื่อ ทุกวันนี้ท่านเป็นยอดนิยมอันดับหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ ที่ยังไม่ถูกครูบาอาจารย์อื่นใดมาช่วงชิงตำแหน่งได้...อภินิหารของท่านมีอยู่หลายเรื่อง คนศรีสะเกษซาบซึ้งตรึงใจมากที่สุด...
ในส่วนของการมรณภาพของหลวงพ่อมุมนั้น....มีรายละเอียดทางแพทย์บันทึกไว้ว่า...ท่านสิ้นลมเมื่อเวลา 05.20 น. ของเช้าวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2522 ณ โรงพยาบาลศรีสะเกษ ศพของท่านตั้งบำเพ็ญกุศล 100 วัน จึงพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 28 - 29 มีนาคม 2524 คือเสร็จจาก 100 วันแล้ว...ได้เก็บศพของท่านต่อมาอีกนับปี........