การสร้างพระพุทธรูปเพื่อไว้สำหรับทำการสักการะบูชาแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ได้มีการสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระพุทธองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ปฐมเหตุที่จะมีการ สร้างขึ้นนั้น ตามตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธองค์ได้เสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดา บนสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์นั้น สมเด็จพระเจ้าประเสนทิราชาแห่งกรุงโกศลรัฐมิได้ทรงเห็นพระพุทธองค์ เป็นเวลาช้านาน ทรงมีพระทัยระลึกถึง จึงมีพระราชบัญชาสั่งให้ช่างเอาไม้แก่นจันทร์แดงมาแกะสลัก ทำเป็นพระพุทธรูป แล้วทรงให้ประดิษฐานไว้เหนืออาสนะที่สมเด็จพระพุทธองค์เคยประทับ
ครั้นเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จพระดำเนินกลับลงมาจากดาวดึงษ์มาถึงที่ประทับนั้น ด้วยอำนาจพระพุทธนุภาพบันดาลให้พระพุทธรูปที่จำลองขึ้นด้วยไม้แก่นจันทร์แดงนั้น เลื่อนหลีก ออกไปจากพระพุทธอาสนะให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ตาแก่คนทั้งหลาย สมเด็จพระพุทธศาสนิกชน ที่ต้องการจะสร้างพระพุทธรูปขึ้นไว้ สำหรับทำการสักการะบูชาภายหลังที่สมเด็จพระพุทธองค์ ได้เสด็จพระปรินิพานแล้ว ที่คือต้นเหตุที่ทำให้เกิดมีการสร้างพระพุทธรูปขึ้น
ภายหลังเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพานไปแล้ว การสร้างพระพุทธรูป เพื่อไว้สำหรับสักการะบูชาแทนพระพุทธองค์ก็ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายนัก ส่วนมากนิยมสร้างวัตถุ ต่างๆ เช่น พระสถูปเจดีย์ พระเสมาธรรมจักร์ หรือรอยพระพุทธบาท ไว้เป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธองค์ แทนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้แพร่หลายออกไป อย่างกว้างขวางเจริญรอยตามกันมา จนตราบเท่าทุกวันนี้
เนื่องจากศาสนาพราหมณ์ได้ถือกำเนิดมาก่อนพระพุทธศาสนา และตามคติทางไสยศาสตร์ของ พราหมณ์ ถือเอาเทพเจ้าเป็นสรณะ บรรดาเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ทั้งหลายสามารถจะบันดาล ความสุข สวัสดีหรือความพิบัติได้จึงได้เกิดมีพิธีการบวงสรวง กระทำยัญขึ้น ผู้ใดทำการบวงสรวงบูชายัญแก่ เทพเจ้า เทพเจ้าก็จะบันดาลให้เกิดความสุขสวัสดิพิพัฒมงคล ผู้ใดละเว้น เทพเจ้าก็จะพิโรธ บันดาล ให้ได้รับทุกข์ภัยพิบัตินานาประการดังนั้น เมื่อพระพุทธศาสนาได้กำเนิดขึ้นและเจริญรุ่งเรืองมาเป็น ลำดับ บรรดาผู้ถือศาสนาพราหมณ์ในสมัยนั้น ได้หันมาเคารพเชื่อถือในพระพุทธศาสนา จึงได้นำ เอาคติประเพณีทางศาสนาพราหมณ์มาดัดแปลงโดยแทรกคติทางพระพุทธศาสนาลงไป เป็นการ ผสมผสานตามความศรัทธาเชื่อถือของตน โดยนัยเหตุวาคติศาสนาของพราหมณ์นั้น ยังมีอานุภาพ เป็นที่เชื่อถือกันอยู่แล้ว ถ้าหากรวมคติทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วแล้วว่าเป็น ของจริงแน่แท้อันอาจพิสูจน์ได้ทุกกาลสมัย เข้าไปในคติลัทธินั้นย่อมจะเรื่องอานุภาพยิ่งกว่าเป็นแน่
โดยคติที่ทางศาสนาพราหมณ์ถือว่า บรรดามนุษย์ที่ได้ถืออุบัติขึ้นมาในโลกนี้ ย่อมมีเทพเจ้า เข้าคุ้มครองรักษาตั้งแต่เกิดมาทีเดียว เมื่อคตินี้ได้เข้ามาปะปนในพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่มีพิธีการ บวงสรวงบูชายัญดังนั้นที่พึ่งของพระพุทธศาสนิกชนของเรานั้น ก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าคุณพระรัตน- ตรัย อันมีคุณพระพุทธ คุณพระธรรม และคุณพระสงฆ์ อันเป็นสรณะของพุทธศาสนิกชน
การสร้างพระพุทธรูปประจำวันเกิดจึงเกิดมีขึ้นตามนัยคตินี้ ท่านโบราณจารย์จึงได้นำเอาคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เข้ามาเป็นเครื่องบำบัดทุกข์ภัยและส่งเสริมความสุขสวัสดิพิพัฒมงคล อันเกี่ยวกับผลที่เทพยดาแต่ละองค์เข้ามาเสวยอายุหรือเข้ามาแทรก โดยกำหนดตกแต่งพระปริตร แต่ละบท มาเป็นเครื่องสวดมนต์คุ้มครองป้องกันให้เข้ากับเรื่องของเทพยดาแต่ละองค์ไป ทั้งยัง กำหนดเอาพระพุทธรูปปางต่างๆ ให้เป็นพระพุทธรูปประจำวันให้ตรงหับเทพยดา ที่เข้ามาเสวย และเข้ามาแทรกเป็นรายองค์ไปเพื่อที่พุทธศาสนิกชนจะได้สร้างพระพุทธรูปประจำวันเกิดของตน ไว้สักการะบูชา เพื่อขจัดปัดเป่าทุกข์ภัยพิบัติและให้เกิดความสุขสวัสดิพิพัฒมงคลแก่ตน ซึ่งถ้า ได้ทำการสักการะบูชาเป็นกิจวัตรแล้ว จะบังเกิดโชคลาภผลศุภมงคลสวัสดีมีชัยทุกวันคืนแลฯ |